- บล็อก
- BMAT คืออะไร ?
BMAT (Biomedical Admission Test)
เป็นข้อสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสาขาการแพทย์, สัตวแพทย์ ซึ่งจัดทำโดย Cambridge Assessment แห่งสหราชอาณาจักร
หรือเป็นข้อสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรและของประเทศต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทยด้วย
BMAT สอบอะไรบ้าง ?
การสอบ BMAT ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ประกอบด้วย 3 ส่วน
1. Aptitude and Skills ใน Part นี้จะเป็นข้อสอบปรนัย 35 ข้อ ใช้เวลา 60 นาที ประกอบไปด้วยข้อสอบที่เป็นการคำนวณและ Critical Analysis ทดสอบความถนัดและทักษะทั่วไปในการแก้ปัญหา ความเข้าใจการโต้แย้ง การวิเคราะห์ข้อมูลและการอนุมาน
2. Scientific Knowledge and Applications เป็นข้อสอบปรนัย 27 ข้อ ใช้เวลา 30 นาที โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุมวิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และคณิตศาสตร์
3. Writing Task เป็นการเขียนตอบคำถาม 1 ข้อ โดยเลือกจาก 3 ข้อที่ข้อสอบให้มา ข้อสอบ Part นี้ ใช้เวลา 30 นาที วัดความสามารถในการเลือกพัฒนา หรือจัดการความคิดและสื่อสารด้วยการเขียนอย่างชัดเจน และเกิดประสิทธิภาพ
การคิดคะแนน BMAT
ส่วนที่ 1 – 2 คะแนนเต็ม 9.0
แต่ละข้อมี 1 คะแนน มีการแบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็นสเกล 1-9
โดยส่วนใหญ่คะแนนจะอยู่ที่ 5.0 หากมีความชำนาญสูงขึ้นคะแนนจะอยู่ที่ 6.0 และน้อยคนที่จะได้ถึง 7.0 ขึ้นไป
ส่วนที่ 3 จะมีผู้ตรวจ 2 คน
ผู้ตรวจจะให้คะแนน 2 แบบ ส่วนแรกจะเป็นการให้คะแนนด้านเนื้อหา ซึ่งมีเกณฑ์คะแนนอยู่ที่ 0-5 และส่วนที่ 2 จะให้คะแนนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ
โดยแบ่งเป็นเกณฑ์ A, C, E
คะแนน BMAT ใช้ทำอะไร ?
หลักสูตรทางด้านการแพทย์หลักสูตรอินเตอร์ในประเทศไทย จะใช้ข้อสอบ BMAT ในการรับนักศึกษาแพทย์ใหม่ เช่น วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (CICM) ซึ่งเป็นหลักสูตรแพทยศาสตร์ “อินเตอร์” ประกาศว่านักศึกษาใหม่จะต้องผ่านการสอบ BMAT ทุกคน หรือแม้แต่
- คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
- มหาวิทยาลัยมหิดล
การให้คะแนนด้านเนื้อหา (มี 1-5 คะแนน)
1. เป็นการเขียนด้วยเนื้อหาที่พอรับได้ แต่ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม อาจมีความลังเลหรือไม่ชัดเจน
2. เป็นการเขียนที่ค่อนข้างตรงประเด็น แต่อาจมีบางคำหรือบางจุดที่ไม่ชัดเจน
3. การเขียนแสดงการตอบคำถามได้พอใช้ตรงกับทุกมุมมองของคำถาม มีการสร้างเหตุผลโต้แย้ง แต่อาจมีจุดบกพร่องด้านการเชื่อมโยงความคิดหรือจุดที่มองข้ามไป
4. การเขียนที่มีข้อบกพร่องน้อย ตรงประเด็นทุกมุมมอง มีการใช้สำนวนการโต้แย้งได้ดี ใช้โครงสร้างประโยคแสดงออกถึงความคิดได้อย่างมีเหตุผล
5. การเขียนได้ดีเยี่ยมชัดเจนไร้จุดบกพร่อง ตอบตรงประเด็นทุกมุมมอง มีการใช้โครงสร้างประโยคแสดงออกถึงความคิดได้ดีเยี่ยม ชัดเจน โน้มน้าวได้ดี มีจุดกว้างแคบความคิด สังเคราะห์ข้อมูลหรือสรุปได้ดี
เกณฑ์การให้คะแนนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ
Band A หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษได้ดี
โดยดูจากการอ่านได้ลื่นไหล, โครงสร้างประโยคดี, เลือกใช้ศัพท์ดี, ไวยากรณ์ใช้ถูกต้องและเหมาะสม, การสะกดคำและเครื่องหมายวรรคตอนดี, มีข้อผิดพลาดน้อย
Band C หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษได้พอใช้ อาจมีจุดอ่อนด้านประสิทธิภาพการใช้ภาษาอังกฤษ
โดยดูจาก อ่านได้พอลื่นไหล ไม่อ่านยาก, มีการใช้โครงสร้างประโยคง่ายๆ, ใช้ศัพท์ระดับกลาง ไม่ง่ายเกินไป, ใช้ไวยากรณ์ได้เหมาะสม, สะกดคำและใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้พอใช้, มีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง
Band E หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างอ่อน
โดยดูจากการทำให้ต้องอ่านหลายรอบถึงจะเข้าใจ, มีจุดบกพร่องในประโยคหรือย่อหน้า, มีการใช้ศัพท์ง่ายๆ บ่อย, ใช้ไวยากรณ์ผิด, มีจุดบกพร่องด้านการสะกดคำและเครื่องหมายวรรคตอน รวมไปถึงจุดบกพร่องที่เห็นได้ใช้
=============