- บล็อก
- คะแนน TOEIC สำคัญอย่างไรในการสมัครงาน ?
สำหรับน้องๆ นักศึกษาที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกของการทำงาน หรือคนที่กำลังอยากเปลี่ยนงาน คุณสมบัติหนึ่งที่งานกว่า 80% (และมีแนวโน้มว่าจะ 100% ในอนาคต) ต้องการก็คือ “ทักษะภาษาอังกฤษ” และสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดทักษะภาษาอังกฤษที่องค์กรต่างๆ นิยมใช้ก็คือ “ผลคะแนน TOEIC นั่นเอง”
ลองมาดูระดับของคะแนน TOEIC ที่แต่ละสายงานควรจะมีกันก่อนค่ะ (จริงอยู่ที่บางตำแหน่งไม่ระบุคะแนนที่ต้องการชัดเจน แต่ถ้าเรามีผล TOEIC ไปยื่นด้วย โอกาสที่ใบสมัครเราจะโดดเด่นออกมาจากกองผู้สมัครจำนวนมหาศาลก็สูงขึ้นด้วยเหมือนกัน)
จะเห็นว่าส่วนใหญ่ ถ้าจะสมัครงานอะไรก็ตาม ควรจะมีคะแนน TOEIC ไว้ให้อุ่นใจ ตั้งแต่ 550 คะแนนขึ้นไป ยิ่งถ้าทำคะแนนได้ 750+ โอกาสที่จะได้งานก็มีมากขึ้น รวมถึงเรื่องการอัพเงินเดือน หรือได้ค่าภาษาเพิ่มขึ้นด้วย ยิ่งถ้าเป็นบริษัทใหญ่ ที่ใครๆ ก็หมายตาอยากร่วมงานด้วยแล้ว คะแนน TOEIC และทักษะภาษาอังกฤษยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเกิน 70% ในการทำงาน เช่น English Call Center หรือพนักงานแปลภาษาตามโรงแรม คะแนนที่ต้องการก็จะสูงตามไปด้วย ลองดูภาพด้านล่างนะคะ เป็นชั้นคะแนน TOEIC ของบริษัทต่างๆ ที่ลง TOEIC requirement ไว้ในประกาศรับสมัครงาน
อย่าลืมว่าคะแนนที่เห็นเป็นเพียง minimum requirement (คะแนนขั้นต่ำที่ต้องการ) เท่านั้น! ลองคิดดูว่ามีอีกกี่คนที่อยากสมัครงานตำแหน่งเดียวกับเรา ถ้ามีความรู้ตามสายงานเหมือนกัน จบมาเกรดพอๆ กัน หนึ่งใน Key Success Factors ที่จะทำให้เราถูกเลือก ก็คือ “ทักษะทางภาษาอังกฤษ” นั่นเอง
ส่วนน้องๆ หรือใครที่เรียนสายวิศวะ สายวิทยาศาสตร์มา ถ้าแต่ก่อนเคยคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้คะแนน TOEIC ในการสมัครงาน บอกเลยว่าพลาด เพราะเดี๋ยวนี้ขนาดตำแหน่ง Technical Support หรือ Sales Engineer ที่ดูไม่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเท่าไร ยังต้องใช้ TOEIC ในการสมัครงานเลยดังนั้นนอกเหนือจากความรู้ด้านเฉพาะทางที่ทุกคนมีเหมือนๆ กันแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะใช้วัดผู้สมัครก็คือ “ผลคะแนน TOEIC” นั่นเอง ยิ่งถ้าเราได้คะแนนเยอะ สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ โอกาสได้งานก็ย่อมมีมากกว่าแน่นอน
=============